หนึ่งคือคนที่ชอบทำอะไรเป็นหมู่เป็นพวก ไม่ชอบไปไหนคนเดียว ต้องมีเพื่อนสิ ไม่งั้นจะสนุกเหรอ
และสองคือพวกที่ชอบทำอะไรคนเดียว ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องรอ ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องคอยเกรงใจใคร
และเราก็คือ..............ประเภทไหนไม่รู้ 555
จนกระทั้งวันนึง Airasia ได้จักโปรโมชั่น ไปกลับเกาหลีพร้อมที่พักในราคาที่โคตรจะถูก (ประมาณ 6000+)
แม่งงงงงงงงงง ถูกกว่าค่าเครื่องที่กูไปสิงคโปอีก แต่นี้ไปเกาหลีเลยนะ!!!!
ช้าอยู่ใย รีบจองตั๋ว ถึงเงินจะไม่มี แต่โอกาศดีๆมันไม่มาง่ายๆ เราก็เลยรีบจองไปล่วงหน้า1เดือน และแล้วก็ถึงวันเดินทาง
ก่อนหน้านั้นทำการบ้านหนักมากกก เพราะเป็นการไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก กระทู้ในพันทิพย์นี้อ่านมาหมด แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมไม่เห็นมีคนไปเที่ยวคนเดียวเลยละ ชิบหายละกู นี้เป็นผู้หญิงด้วย(กลัวเหงาหนะจริงๆ555+) แต่มีกระทูั้นึงบอกว่าไปคนเดียว นั่งอ่านไป สรุปลงเครื่อง นัดเจอคนไทยที่นัดกันในเน็ต อ้าว!! ซะงั้น คนเดียวตรงไหนคะ
เวลาเราทำอะไรเป็นครั้งแรกจะต้องกลัวเสมอ อย่างครั้งนี้เราเดินทางคนเดียว ไปที่ไกลๆคนเดียว แผ่นดินโอปป้าที่เขาว่ากันว่าไม่พูดภาษาอังกฤษเลย เฮ้อ ในใจนี้ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว แต่มันกลับเป็นความรู้สึกกลัวๆในเชิงบวกแหะ
พอถึงวันเดินทาง เราเดินทางไฟท์ XJ700 DMK-ICN Departure time 0155 ไอ่เราทำงานตั้งแต่6โมงเช้า จะเลิกก็สี่โมง เลิกงานกลับมาว่าจะนอนก็ไม่ได้นอน เพราะตื่นเต้นเกิ้น 555 กะจะไปกลับบนเครื่อง เคราะซ้ำกรรมซัด เนื่องจากเป็นเครื่อง Airbus 330-300 แถวที่นั่งมันเลยเป็น 3-3-3 เราได้นั่งตรงกลาง มีโอปป้าตัวควายๆขนาบข้างสองคน ความรู้สึกที่เขาบอกว่าโดนบีบเหมือนอะไรก็ไม่สามารถบรรยายได้แล้ว ณ ตอนนั้น
แต่โชคดีที่ไฟท์ว่าง เราเลยย้ายไปนั่งคนเดียวทั้งแถว นอนสบายๆ ถึงกำลังจะถึงอินชอน ชิบหาย ทำไมใส่เสื้อกันหนาวจัดเต็มกันวะ นี้เพื่อนบอกว่า มึง ช่วงเดือนพฤษภาคม คาดิเกนตัวเดียวก็อยู่ ...ไอ่กุก้อเชื่อไง เฮ้อ พอลงจากเครื่อง อุณหภูมิภาคพื้นประมาณ 16 องศา หนาวดิสัส เป็นคนขี้หนาวด้วย อากาศดีนะ แดดแรง เหมือนหน้าหนาวเหมือนไทย เลยต้องหาซื้อเสื้อคลุมสักตัวไว้กันหนาว จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าจากสนามบินไปลงที่สนานีฮงอิค ประมาณ 4000 วอน เพราะถูกสุดละ ฮ่าๆๆ ส่วนรถบัสจะแพงสุด ไอ่เราอยากประหยัด ของไม่เยอะด้วย ก็เลยเลือกรถไฟฟ้า
อ๋อ เรื่องตม ที่เขาร่ำลือกันว่าโหด แม่งก็โหดจริงๆแหละ คนไทยนี้โดนเรียกเข้าห้องคนเว้นคนเลย แต่ดูก็รู้ละ ว่าคนนี้มึงไม่รอดแน่ๆ โดนแน่ๆ 5555 จากที่สังเกตจะมีทั้งหญิงและชายนะ น่าจะมีสองประเภทคือ เขากลัวจะไปขายบริการกับใช้แรงงานต่างด้าวแหละ
พอถึงคิวเรา นางก็ไม่ถามอะไร ปั๊ง !! สแตมป์ตราเรียบร้อย ในใจคิดว่า เอ้อรอดแล้วกู แต่อยู่ดีๆนางก็นิ่งสักพัก แล้วก็ถามว่า มาคนเดียวเหรอ มาครั้งแรกเหรอ มีเพื่อนไหม เราก็บอกไม่มี นางก็คงคิดอยู่สักพักว่าให้อีอิกะเหรี่ยงนี้ผ่านดีไหมวะ สแตมป์ไปแล้วด้วย 55555 แต่สุดท้ายนางก็ปล่อยเราไป
ก็เดินตุเลงๆ ออกจากสถานีรถไฟฟ้าทางออก1 แล้วก้เดินตามแผนทีที่ทางโฮสเทลเค้าให้มา (หลายคนไม่รู้จักว่า Hostel เป็นยังไง คือมันเป็นห้องพักแบบหอพัก นอนรวมกัน มทั้งห้องแบบ 2เตียง 4เตียง แล้วก็8 เตียง ห้องน้ำรวม) ซึ่งไม่ไกลมาก แต่ดูในแผนที่แม่งไกลสัส เราพักที่ Four season house มันจะเดินได้จากทั้งสถานีฮงอิคและฮับจอง (แต่เราว่าฮับจองใกล้กว่า) เช็คอินเรียบร้อย ได้ห้อง8 เตียง เปิดเข้าไป อือฮือ กลิ่นเหล้าหึ่ง ตอนนั้นคือประมาณเที่ยง แต่ก็ยังมีคนนอนกันอยู่ โอเคเราไม่ซีเรียส
สักพัก คุณลิม เดินมาบอกว่า ยูจองห้อง4เตียงใช่ไหม แต่ไม่มีนะ ขอโทษจริง ไอ้เราก็คิดว่าอ้าวนี้กูจองสี่ไปเหรอ ไม่รู้วววววว ก็เลยบอกไม่เป็นไร โอเคๆ เราไงก็ได้ เค้าก็ซอรี่นะๆๆ
เก็บข้าวของสักพัก ทุกอย่างโอเคเลย ห้องพักสะอาด ห้องน้ำสะอาด ไม่เหมือนโฮสเทลชื่อดังที่ไปพักที่สิงคโปร์ แต่ห้องน้ำข้างบนห้ามขี้นะ ย้ำ!! ห้ามขี้ ส้วมมันชอบตัน 5555 เขาย้ำกับเราประมาณสองสามรอบ
จากนั้นเราเลยเดินไปถามเขายว่า งี้เราจองสี่เตียง แต่ได้หกเตียง คือไม่มีวันไหนที่สี่เตียงจะว่างเลยเหรอ หน้าเราประติก็ดูเป็นคนหาเรื่องนิสๆ เขาก็ดูกังวลๆ เลยตัดสินใจให้เราย้ายไปห้องที่มี 2 เตียง 5555เสร็จโจร
แต่ผนังห้องที่นี้ค่อนข้างบางนะ คือห้องข้างๆเป็นคนจีน กลับมาดึกๆคุยกันก็ได้ยิน หรือชั้นบนเวลาเดินแรงๆก้ได้ยิน เหมือนมันไม่ได้เป็นอิฐแบบบ้านเรา แต่เราเหนื่อยอะ อยู่ไหนก็นอนได้ละ ร จุดนั้น แต่โดยรวมโอเคเลย ถ้าให้กลับไปพักก็กลับไปอีก
หลังจากนั้นก็มีปัญหากับที่ชาร์ต คือแบตก็จะหมด ที่ชาร์ตแม่งก็หลวม หอยหลอด ที่ชาร์ตแบบนี้แม่งอย่าได้ไปซื้อมาเชียว กากตด เราเลยไปซื้อเทปใสที่ร้านไดโซะ มาติดแม่ง แบบนี้
มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลาย อย่าไปซื้อมาเด็ดขาด แม่งอยากจะหาที่อยู่บริษัทแล้วบอกมึงเลิกผลิตไปเถอะ
จากนั้นเราก็ออกไปข้างนอกกันดีกว่า อย่างที่บอกว่าอากาศกำลังดีมาก เลยตัดสินใจไป Bokchun Hanok village มั้ง ถ้าจำชื่อไม่ผิด 5555 ไปที่สถานี Anguk station ทางออกสอง
ไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะจะมี tourist information อยู่ใกล้ๆ หรือไม่ก็คอยมองหาคนที่ใส่เสื้อกัํกแดงกับหมวกคาวบอยสีแดง คล้ายๆคนยืนแจกใบปลิวโฆษณา แต่เปล่าเลย เขาคืออาสาสมัครที่คอยแจกแผนที่แล้วก็แนะนำนักท่องเที่ยว ซึ่งถ้าสงสัยอะไรก็เข้าไปถามได้เลย
เราชอบเกาหลีตรงที่คนไม่เยอะ (หรือเยอะแต่ไม่รู้) ไม่แออัดเหมือนอย่างกรุงเทพ ที่ต้องเบียดเสียดกัน มีห้องน้ำทุกสถานีรถไฟฟ้า ยิ่งกว่านั้นในห้องน้ำยังมีปลั๊กไฟอีกด้วย (คือปลั๊กไฟนี้อยู่ตรงโถส้วมเลยนะ)
คาดว่าคนที่นี้กินกาแฟกันแทนน้ำ เพราะร้านกาแฟเยอะมากกกกกกกกกก
นี้ก็ร้านกาแฟจย้าาาา
เราชอบเกาหลีตรงที่มันเป็นเขา แล้วทำให้เห็นสถาปัตยกรรมบ้านเรือนต่างๆ ง่ายมาก
จากนี้ก็เดินต่อไปอินซาดงได้เลย
จากนั้นเราก็เดินไปไปเรื่อยๆจนไปโผล่ที่วังอะไรสักอย่าง นักท่องเที่ยวเยอะมากก เลยไม่ข้าไปดีกว่า
จากนั้นก็เรียกได้ว่าหลง 555555 แล้วก็กลับที่พัก เพราะเหนื่อยมาก ไม่ได้นอน
ข้าวเย็นเรากินคิมบับของ GS25 ซึ่งเยอะมากกก ราคาประมาณ 60 กว่าบาทไทย อร่อยและอิ่ม
--วันแรกผ่านไป...แล้วก็ราตรีสวัสดิ์--
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น