วันที่สองของการเดินทาง
หลังจากกินอาหารเช้าแบบคอนเนกติกัน เขาว่างั้น5555+ ก็คือขนมปังทาเนยกับชา ซึ่งโฮสเทสส่วนมากก็จะเป็นแบบนี้แหละ บางที่อาจจะมีนมกับคอนเฟลค แล้วก็ผลไม้ แต่ที่นี้มีแต่ขนมปังกับแยม เฮ้ออออ
ตื่นมาอากาศเย็นกว่าเมื่อวาน ฝนตกปรอยๆด้วย แต่ไม่แรง เสื้อกันหนราวยังไมไ่ด้ซื้อ แล้วไม่ได้เอาร่มไปด้วย ซึ่งกูพลาดมาก
ข้อดีของการเดินทางคนเดียวอีกอย่างคือ อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น
คือถ้าไปกันเป็นหมู่คณะก็ต้องตกลงว่า
"งั้นพรุ่งนี้ตื่นกี่โมง 9โมงละกันนะ"
"9โมงนี้ตื่นหรือออกจากที่พักวะ"
"เราว่าออกจากที่พัก9โมงนะ"
"โอเค"
คือมันต้องมีตารางเวลา ไม่งั้นมันจะดูไม่มีแบบแผน 55555555
ซึ่งอาจจะไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว ต้องมานั่งรอต่างคนต่างทำธุระส่วนตัวโน้นนี้นั้น แต่ถ้าคนเดียวคือกูจะตื่นกี่โมงก็ได้ กินข้าวเสร็จนั่งเล่นมือถืออีกครึ่งชม. ขี้ก่อน ก็ไม่ต้องไปนั่งเกรงใจใคร เพราะไม่มีคนรอ
จากนั้นก็กางแผนที่รถไฟฟ้า เอ้อ ไปอีฮวานี้แหละ ใกล้ดี สามสถานีเอง
ระหว่างทางที่เดินออกจากโฮสเทล คือตอนแรกดูแผนที่แล้วแม่งทำไมไกลจากสถานีรถไฟฟ้าจังวะ แต่จริงๆก็ไม่ไกลนะ เพราะมันไม่ร้อน เดินได้เรื่อยๆ
หลังจากขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าก็เจอถนนทางเข้ามอ เลย ซึ่งร้านค้า และ เครื่องสำอางเยอะมากกกกกกกกกก เขาจะเรียกย่านนี้ว่าย่านอีแด โดยส่วนตัวเราชอบที่นี้มากกว่าฮงแดอีกนะ คือของเยอะ ทั้งร้านของกิน ร้านเสื้อผ้าน่ารักๆด็เยอะ มีหมด กระเป๋าเสื้อผ้ารองเท้า ร้านอาหาร
ถามว่าหิวไหม จริงๆก็ไม่หิวหรอก แต่อยากกินแบบในหนังดู แบบยืนกินตามเพิงร้านขายของ 555555 แลดูเกาหลี๊เกาหลี เลยเลือกร้านอาจุมม่าขายไก่ทอด มีซอสชีสราด อร่อยด้วย พูดแล้วก็อยากกินอีก ป้านี้ก็ให้เยอะจั๊ง จนต้องบอกว่า พอแล้วๆ กูมาคนเดียว กูกินไม่หมด ราคา2000 วอนเอง
จากหลังนั้นฝนก็ยังทะยอยจกลงมาเรื่อยๆ เราก็เดินๆตามซอกตามซอยร้านค้าต่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปในตัวมหาลัยนะ คือฝนตก หมดอารมณ์ คนเยอะด้วย
แล้วเราก็เลยตัดสินใจไปต่อที่ กาโรซูกิล ถนนของคนฮิปๆ(มั้ง) จุดหมายคืออยากไป Line store โดยการนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้ม (เป็นคนชอบจำเป็นสี) แล้วก็ลงที่สถานี อะไรสักอย่าง เดินขึ้นมาหลงอีก 55555 เลยกะหาแวะร้านกาแฟนั่งใช้ไฟไวซะหน่อย ร้านไหนดีว๊า แก้วนึงแม่งก็ ห้าหกพันวอน เกือบสองร้อยบาท แม่งแพงเหี้ยๆ อยู่ไทยนี้แก้มละ60 ยังคิดแล้วคิดอีก
แต่ไหนๆยังมีความติ่งผช อยู่ในตัว 555555 เลยแวะร้าน Twosome ของพี่เท็ดดี้นั่งเล่นไวไฟ พักตีน หาอะไรร้อนๆกิน พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส่ สั่งช๊อกโกแลตร้อนไป แว๊บเข้าห้องน้ำฟรี พอดูแผนที่แล้วเอ๋า คือชั้นเดินไปถึงถนนกาโรซูกิลแล้ว แล้วกูก้อเดินกลัมา คือดันไม่เดินต่อให้สุด อีนิดก็เจอline store แล้ว
สรุปเจอร้าน
เข้าไปมุ้งมิ้งมากกกกกกกก
คนจีนเยอะมากกกกกกกกกกกกก
ตรงส่วน cafe คนเยอะมากกกกกกกก
เราเลยเดินๆ หยิบๆของแล้วก็รีบออกมา คนก็ถ่ายรูปกันเต็มเลยนะ กับหมีตัวใหญ่ๆนั้นแหละ
ถนนเส้นนี้มีร้าน Coffee smith ซึ่งเป็นเบรนกาแฟค่อนข้างดังเลยละของเกาหลีเราว่า ที่ชอบถ่ายละคนบ่อยๆอะ คนเยอะแทบทุกสาขา เราชอบการตกแต่งของร้านนี้ด้วยนะ บอกไม่ถูก สไตล์ปูนเปลือย เรียบง่าย แต่สะอาด มีทั้งโอเพนแอ แล้วก็ในห้อง
เย้ เจอหมี Krunk แล้ว คือเราชอบนางมาก 5555555
หลังจากนั้นฝนก็ตกแบบแหก ตกหนักโคตรรร เราเลยตัดสินใจกลับที่พักก่อน เลยไปเจอคนไทยที่พักที่เดียวกันเมื่อคืน คือตลกมาก นั่งคุยภาษาอังกฤษกันตั้งนาน พอถาม แวอายูฟรอม ไทยแลนนนนนน 55555 อ๋อ คนไทย เลยชวนกันไปกินเนื้อย่างเกาหลีซะหน่อย เพราะร้านแบบนี้มันไม่ขายคนเดียว จริงมั้ย?
ก็เลยเลือกร้านแถวๆนั้นแหละ ออกมาจากสถานีฮัปจองก็เยอะเลย อาจุมม่าก็ชี้ๆ เมนูไม่มีรูปภาพ สรุปร้านมีแต่สามชั้น ไม่มีหมูหมัก ไรพวกนั้นเลย
หลังจากกินเสร็จ ตอนแรกเราอยากไปคลองชยอนเกซอน (แม่งไม่เคยเรียกอีชื่อคลองนี้ถูกสักที) แต่เลยเปลี่ยนใจ ไปวัดพงอึนซา คือช่วงเดือนพฤษภาเค้ามีเทศกาลโคม จิตนาการว่าน่าจะสวย วัดนี้อยู่เลยถนนอินซาดงไปนิดเดียว ไปรถไฟฟ้าสีส้ม สถานี Anguk นั้นละ แต่ปวดขี้กัน คือสงสัยเป็นเพราะเนื้อย่างอาจุมม่าแน่ๆ ดีนะที่เขามีห้องน้ำทุกสถานีรถไฟ ไม่งั้นขี้แตก
เสร็จแล้วก็เดินไม่ไกล ออกทางออก6 เดินถึงแยกใหญ่ ให้เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกนิด วัดจะอยู่ขวามือ เปิดตลอด 24 ชม. แต่ดันเปิดโคมไฟแค่ส่ววนทางเข้าวัดซะงั้น แป่วๆ ผิดหวังนิดหน่อย
คือระหว่างทางจะมีสองวัดนะ
แต่ไปตอนสามสี่ทุ่มก็ยังมีคนสวดมนไหว้พระกันอยู่เลยนะ
คุ้นๆ เหมือนเรื่องกวนมึนโฮก็มาถ่ายที่สัดนี้ป่าวหรือยังไง
แล้วเราก็กลับที่พักไปนอน เสร็จไปอีก1 วัน เฮ้ออ ชักจะหลงรักเมืองนี้แล้วสิ ไม่อยากกลับเลย ล้องห้ายยยยยยยยยยย