วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันที่ 4.1 ความรู้สึกเดิมเวลาไปเที่ยวก็กลับมา "ไม่อยากกลับบ้านเลยยย"

ตอนเช้าตื่นมาไม่ได้กินอาหารแบบคอนเนกติกันที่เกสเฮาจัดไว้ ฮ่าๆพูดซะดูดี


แต่ไปกินที่ตลาดกวางจัง Kwangjung market  ที่อยู่ติดคลองที่ดังๆเลย (ลืมชื่อ555)

ทางไปก็คือไปเส้นสีม่วง ลงสถานี Junno 5 ga  ทางออก 7หรือ8  (สถานีนี้จะถึงก่อนสถานีดงแดมุน)

บริเวณนี้ก็จะใกล้ๆพวกทงแดมุน สามารถเดินเลียบคลอง(จำชื่อไม่ได้)ไปเรื่อยๆได้เลยจ้า

เรียกได้ว่าตลาดนี้รวมอาหารเกาหลีทุกอย่าง ทั้งต๊อก ข้าวยำ(แต่แบบไม่ใช่กะทะร้อนที่กินๆกันนะ)  ใส้กรอกเลือด คิมบับ ขนมถั่วแดง  เกี๊ยว  บะหมี่เย็น พิซซ่าเกาหลีพาจอน (ก็แป้งทอดกับผักนั้นแหละ) น้ำผลไม้คั้นสดๆ   แล้วก็มีพวกสาหร่ายขายไว้ซื้อเป็นของฝากด้วย

ตอนแรกอยากตระเวนชิมทุกอย่าง แต่พอเห็นขนาดแล้วไม่ไหว คือมันเยอะมากจริงๆ

เราเลยมาตลาดนี้สองวันเลย 5555555 คือชอบเพราะมันรวมของกินไว้หมดแล้ว







นี้คือร้านข้าวยำบิบิมบับ เราชอบมาก  ราคา 5000 วอน คุณป้าเขาก็จะตักๆให้


เป็นแบบนี้ 


น้ำส้มคั้นแบบสดๆไม่ผสมอะไรเลย ราคา 3000 วอน


ร้านนี้ขายปลาหมึกสดที่ยังดิ้นๆอยู่ด้วย


เกี๊ยวนี้ 5000 วอน มีน้ำจิ้มเกี๊ยวด้วย เค็มๆ มันผสมเนื้อวัวด้วยอะ ซึ่งเราไม่กินนื้อวัว แต่ได้กลิ่น แต่ก็ทนๆกินจนหมด 555


ใส้กรอกเลือด เราว่ามันดูน่ากลัวเลยไม่ได้ลอง แต่ใครทานวัวได้ก็ลองดูนะ 


อาหารที่นี้ ถ้าเป็นพวกข้าวกับ มันดู(เกี๊ยว) บะหมี่ ชามละ 5000 วอน  ต๊อกราคา3000 ส่วนพวกของทอดราคาตั้งแต่ 1000วอน ขึ้นไป ถือว่าโอเค มาที่เดียวได้กินครบ 


วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่3.2 Seatgang station และ แม่น้ำฮันในอีกมุมหนึ่ง

นั่งรถไฟสาย 9 มาลงที่ Seatgang station  เพือมาตามบลอคที่เขาว่าไป นางบอกว่าเป็น มายเฟเวอริทเพลสอินโซล  ไหนดูหน่อยสิ


ออกมาจากสถานีทางออก 1 ด้านขวาจะเป็นตึกเคบีเอส เจอสวยสาธารณะอีกแล้ว!! เมืองที่มันเจริญแล้วนี้เขาเจริญแล้วจริงๆ



บ้านหลังนี้เข้าชมได้ด้วยนะ แต่เราไม่ได้เข้าไป



จากนั้นก็ข้ามถนนไปอีกฝั่ง เดินลงบันใดลงไป ความคิดแรกคือ


"ชิทททท ที่นี้ที่ไหนน ไหนสะพานที่เธอบอก เธอหลอกฉันรึเปล่าา "




มองซ้ายมองขวา นี้มันพื้นที่เมืองที่ยังไม่พัฒนารึเปล่า 55555 เลยเสี่ยงเดินไปอีกนิดนึงก็เจอป้ายแยกเป็นสองทางให้ทำการเสี่ยงทาย

ไหนๆเดินมาแล้วชั้นจะไม่เดินกลับ คือแม่ง โคตรรรรรรเหนื่อย โคตรไกล ก็ยังไม่เจออะไรนอกจากกอหญ้า และเหล่าคุณลุงคุณป้าที่เดินสวนมาเป็นระยะ


ตามทางก็จะมีบันใดขึ้นไปข้างบนได้ มันก็คอยส่งเสียงกระซิบเบาๆว่า 

"เดินมาไกลแล้วนะ" 
"ไม่เจอสักที ก็เดินกลับเถอะ" 

หลังจากปัดเสียงรบกวนที่คอยตัดกำลังใจกุในการเดินเท้ามากิโลกว่าก็เจอเข้ากับสิ่งนี้ 




อ่าาาาาา สวยยยย ค่อยยยังชั่วหน่อย แล้วก็มีกลุ่มเด็กนักเรียนชายกลุ่มเล้กๆน่าจะมาทัศศึกษากันเดินผ่านไป

ตั้งแต่มาโซล หรือไปสิงคโปร์ สิ่งที่คิดอยู่ตลอดว่าทำไมกรุงเทพไม่เป็นเมืองสีเขียวบ้าง เรามีแต่ตัดต้นไม้สร้างเมือง ทำไมเราไม่หาทางสร้างเมืองให้อยู่ร่วมกับต้นไม้ ทั้งๆที่ไทยเป็นเมืองโคตรจะร้อน แต่กลับไม่คิดใช้แอธรรมชาติช่วยกันสร้างออกซิเจนให้เมืองหลงเลยเหรอ เอ้อ บ่นๆไปก้เท่านั้น ได้แต่เปรียบเทียบบ้านเรากับบ้านคนอื่น ทำไรไม่ได้ 

เราก็ยืนสักพัก คือเดินมาเหนื่อยมากจริงๆ น้ำก็ไมไ่ด้เอามา ทำไมไม่บอกกรูว่าจะเดินไกลขนาดนี้ เห้อออ


เดินไปสักพักก็เจอแล้วจ้าาา สะพานที่นางเน้นย้ำว่ามายเฟเวอริทเพลวอินโซล โอ้ววววววววววววววววว 




เป็นสะพานสำหรับจักยานและคนเดินเท่านั้นนะ คือสวยจริง แต่ณจุดๆนั้นเจ้ไม่ไหวแล้วววว ถอดใจ ไม่เดินข้ามไปแล้ว

คิดดูสิ นอกจากจะเดินมาร่วมสองกิโลกว่า นี้ต้องเดินกลับอีก โฮลี่ชิท เลยคิดว่าในประเทศที่เขาเจริญๆแล้วแบบนี้มันต้องมีอีกสถานีรถไฟที่ใกล้ๆกว่านี้บ้างละ 55555555

เดินขึ้นมาอีกนิดเหมือนสวรรค์มีตา เจอสถานีรถไฟฟ้าจริงๆด้วยค่ะคุณ  นี้ก็บ่ายสามกว่าแล้ว ไปไหนดี ไปนั่งเล่นแม่น้ำฮันดีกว่า เห็นว่ามีเซเว่น น่าจะได้นั่งกินข้าวไปด้วยเลย 

จากนั้นก็นั่งสาย 9 สายเดินมาลงที่สถานี Seonyudo Station (ชื่ออ่านยากอีกละ)

ออกจากสถานีทางออก2 เดินลงมาเรื่อยๆ ในใจก็คิดว่า แม่งพากูเดินไกลอีกแน่ๆ เจอร้านซุปเปอมาเก็ตขวามือ อื้มมมม ยังไม่เห็นแววแม่น้ำฮันเลย 

เดินต่อคะเลี้ยวขวาที่แยกซุปเปอนั้น ก็เจอป้ายว่าไปฮันกังริเวอ โอเค เดินต่อไปอีกนิด ข้ามถนนมาก็จะเจอสะพานแบบนี้ ชื่นใจละ 



แหม แต่ละคนก็มาเป็นคู่ อย่าให้มีบ้างละกัน


ถามว่าที่นี้แนะนำไหม เราแนะนำนะ มีคนเกาหลีมาปิกนิค ปั่นจักยานบ้างประปราน ไม่วุ่นวาย น่าจะเพราะนั่งรถมาไกล 5555 แล้วทางมาจากสถานีรถไฟก็เดินไกลด้วย

ข้ามสะพานมาจะเจอเซเว่นนี้รีบพุ่งเลย หิวน้ำมาก เลยจัดน้ำกับขนม นั่งกินชิวๆ เอาหน้ารับลม ดูคนขี่จักรยานผ่านไปผ่านมา โซลนี้มันโซลจริงๆ วู๊ 


ที่ชอบอีกอย่างคือร้านสะดวกซื้อทุกเบรน ไม่ว่าจะเป็น เซเว่น ซียุ จีเอส 25 จะมีเก้าอี้ให้นั่งทุกร้าน ไม่ว่าจะร้านเล็กขนาดไหนก็ตาม 



น้ำวิตามินนี้ก็อร่อยดีนะ ไม่หวานด้วย แต่แพงหน่อย กินแล้วรู้สึกตัวเองเป็นคนรักสุขภาพ 55555555 


นั่งไปเกือบชม. ก็กลับไปตั้งหลักที่หอ แล้วก็ออกท่องราตรีต่อไปปป วู๊ ไม่อยากกลับแล้วสิ 
















วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่3.1 : แดดออก ฟ้าใส เราจงไป Gungsan Park trial !!

ตื่นมาแบบงงๆ ว่าจะไปไหนดี 

ในใจคือไม่อยากไปทีที่ทัวเขาพาไปกัน  แต่ก็มีเว็บไซนึงชื่อว่า seoulsuburban  เป็นเว็บไซน์ที่เขียนแหล่งท่องเที่ยวรอบๆสถานีรถไฟต่างๆในโซล อารมณ์ยูเลือกสถานีมาเลย รอบๆนั้นมีที่ให้เที่ยวหมดแหละ  แถมรูปก็สวยอีกด้วย   ว่าแล้วก็ไม่รอช้า อยากเห็นโซลอีกมุมหนึง มุมที่ไม่มีใช่ tourist spot  ก็เลยตัดสินใจไปที่  Gungsan Park เริ่มต้นที่สาย 9  ไปลงที่สถานี  Yangcheon Hayanggo staion (แม่งง อ่านยากชิบหาย 5555)




เราขึ้นจาก ฮัปจอง เปลี่ยนสายที่สถานี Dangsan staion พอรถไฟมาก็ขึ้นไปสักพัก นี้ก็คอยสังเกตจอบอกป้ายสถานีตลอด 


"เอ๊ะ  ทำไมไม่เห็นมีชื่อสถานีที่เราจะลงเลยนะ หรือยังไม่ถึง"

"ทำไมมันวิ่งนานจัง"

"เดี๋ยวๆๆๆๆ ชิบหายละ  ทำไมสุดท้ายรถไฟดันมาจอด ที่สถานี Gimpo Airport โอ้ยยยยย  "  

5555 สรุปนั่งผิดคัน คือถูกสายละ แต่รถไฟคันที่นั่งคือ รถไฟแบบ Express  ไปลงที่กิมโปเลย ไม่จอดแวะ เสียเวลาชิบ**  ก็เลยนั่งกลับมา คราวนี้นั่งถูก มาลงสถานี Yangcheon Hayanggo staion  นี้ละ (จนถึงตอนนี้ก็ยังอ่านไม่ออก)

จากนั้นก็เดินออกมา พระเจ้า นี้มันโคตรดาวทาวซิตตี้  เหมือนในหนังเกาหลี local มากๆ 5555555555555 หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง 







มีร้านข้าวที่เต็มไปด้วยภาษาเกาหลีเต็มไปหมด แต่ที่แน่ๆต้องมีบิบิมบับแน่นอน อารมณ์มันต้องคล้ายๆกับข้าวกะเพราบ้านเราแน่นอน เพราะมีทุกร้านจริงๆ 

เราออกทางออก2  จะเจอเขาขายผัก ขายหอม หรือแตง เสียดายไมไ่ด้มาหน้าสตรอเบอรี่ น่าจะอร่อย 

ให้เลี้ยวซ้ายลงซอย แล้วก็เลี้ยวขวาเดินตามทางไปเรื่อยๆเลย จะผ่าน เซเว่น ที่มีเหล่าคุณลุงนั่งมีตติ้งดูดยาสูบกินกาแฟกันอยู่






จากนั้นก็เดินต่อไปอีก จะเจอทางแยก  ด้านขวาเป็นร้าน GS25 ตามรูป เลี้ยงขวาเข้าไป  


ให้ไปแวะซื้ออะไรก่อน 5555555 ไว้ไปกินข้าวข้างบนหนะ เพราะบรรยากาศดีมาก เราเลยซื้อข้าวปั้นกันน้ำไว้ไปกินด้านบน  แล้วก็ถามอาจุมมม่าว่า เนี้ยยย ไปทางไหน ป้าก็ชี้เลย ชี้ขึ้นฟ้า เราก็ อ้ออ โอเค ทางนั้นนะ คัมซาฮัมนีดาาา ร่ำลากันไป พร้อมจ่ายเงิน 

แก้วละ 1000 วอน 


ระหว่างเดินขึ้นเขาน่าจะความชันสัก 30องศา ไร้ซึ่งผู้คนเดินตามมาด้วย เดินไปเรื่อยๆจะเจอวัดแบบนี้






ให้นั่งพักก่อน เพราะเหนื่อย 55555 

คือด้านในในวัดก็เงียบๆนะ เราก็เดินเข้าไปกล้าๆกลัวๆ  เหมือนวัดเกาหลีทั่วๆไป 




หลังจากหายเหนื่อยแล้ววว ก็เดินไปซอยเล็กๆด้ายซ้ายของวัด ทีนี้ละ เดินไปเถอะคะคุณขา สุดแล้วแต่ท่านจะปราถนา มีป้ายบอกทางอยู่เป็นระยะๆว่าให้ไปทางนี้



เดินไปเรื่อยๆ ข้างบนจะมีเหมือนสวนสุขภาพด้วย  ก็มีแต่ผู้สูงอายุแหละที่มา



เดินมาเรื่อยๆ จะเจอศาลาพักใจ ซึ่ง ความรู้สึกแรกคือ เฮ้ออออ สวยแบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้จะสวยขนาดไหน



ยังคะ ยังไม่หมด เดินต่อไปขึ้นไปต่อจนถึงยอดเพื่อชมวิวแม่น้ำฮัน เจอกับเหล่าอาจุมม่าก็หัวเราะคิกคักๆชี้มาที่เรา ไอ้เราก็ก้มหน้าดู เอ้อ เราก้อไม่ได้ลืมรูปซิปนี้นะ 







พอถ่ายรูปชมวิว เอาหน้ารับลมเสร็จก็ไปนั่งกินข้าว  อากาศก็ดี ชิวมาก ณ จุดนั้นคือความสบายใจอย่างที่สุดแล้ว ไม่ต้องคิดอะไร นั่งมองต้นไม้ กินข้าว เอาหน้ารับลม เฮ้ออออ  นี้มันชีวิตสโลไลฟ์ในฝันชัดๆ 




หลังจากนั่งเพ้อฝันอยู่นาน ก็เดินลงเขามา บ่ายกว่าๆและ นั่งรถไฟฟ้าสาย 9 สายเดิม ย้อนกลับไปที่สถานี Seatgang Staion ไปดูสะพานที่เขาบอกว่าสวย ที่นางบอกว่า มายเฟเวอริทเพลสอินโซลกันตามเว็บด้านนที่ให้ไป








วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันที่ 2: เริ่มชอบเมืองนี้ซะแล้วสิ !!

วันที่สองของการเดินทาง

หลังจากกินอาหารเช้าแบบคอนเนกติกัน เขาว่างั้น5555+ ก็คือขนมปังทาเนยกับชา ซึ่งโฮสเทสส่วนมากก็จะเป็นแบบนี้แหละ บางที่อาจจะมีนมกับคอนเฟลค แล้วก็ผลไม้ แต่ที่นี้มีแต่ขนมปังกับแยม เฮ้ออออ

ตื่นมาอากาศเย็นกว่าเมื่อวาน ฝนตกปรอยๆด้วย แต่ไม่แรง เสื้อกันหนราวยังไมไ่ด้ซื้อ แล้วไม่ได้เอาร่มไปด้วย ซึ่งกูพลาดมาก

ข้อดีของการเดินทางคนเดียวอีกอย่างคือ อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น

คือถ้าไปกันเป็นหมู่คณะก็ต้องตกลงว่า

"งั้นพรุ่งนี้ตื่นกี่โมง 9โมงละกันนะ"

 "9โมงนี้ตื่นหรือออกจากที่พักวะ"

"เราว่าออกจากที่พัก9โมงนะ"

"โอเค"

คือมันต้องมีตารางเวลา ไม่งั้นมันจะดูไม่มีแบบแผน 55555555

ซึ่งอาจจะไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว ต้องมานั่งรอต่างคนต่างทำธุระส่วนตัวโน้นนี้นั้น แต่ถ้าคนเดียวคือกูจะตื่นกี่โมงก็ได้ กินข้าวเสร็จนั่งเล่นมือถืออีกครึ่งชม. ขี้ก่อน ก็ไม่ต้องไปนั่งเกรงใจใคร เพราะไม่มีคนรอ

จากนั้นก็กางแผนที่รถไฟฟ้า เอ้อ ไปอีฮวานี้แหละ ใกล้ดี สามสถานีเอง


ระหว่างทางที่เดินออกจากโฮสเทล คือตอนแรกดูแผนที่แล้วแม่งทำไมไกลจากสถานีรถไฟฟ้าจังวะ แต่จริงๆก็ไม่ไกลนะ เพราะมันไม่ร้อน เดินได้เรื่อยๆ 


หลังจากขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าก็เจอถนนทางเข้ามอ เลย ซึ่งร้านค้า และ เครื่องสำอางเยอะมากกกกกกกกกก เขาจะเรียกย่านนี้ว่าย่านอีแด  โดยส่วนตัวเราชอบที่นี้มากกว่าฮงแดอีกนะ คือของเยอะ ทั้งร้านของกิน ร้านเสื้อผ้าน่ารักๆด็เยอะ มีหมด กระเป๋าเสื้อผ้ารองเท้า ร้านอาหาร






ถามว่าหิวไหม จริงๆก็ไม่หิวหรอก แต่อยากกินแบบในหนังดู แบบยืนกินตามเพิงร้านขายของ 555555 แลดูเกาหลี๊เกาหลี เลยเลือกร้านอาจุมม่าขายไก่ทอด มีซอสชีสราด อร่อยด้วย พูดแล้วก็อยากกินอีก  ป้านี้ก็ให้เยอะจั๊ง จนต้องบอกว่า พอแล้วๆ  กูมาคนเดียว กูกินไม่หมด ราคา2000 วอนเอง







จากหลังนั้นฝนก็ยังทะยอยจกลงมาเรื่อยๆ เราก็เดินๆตามซอกตามซอยร้านค้าต่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปในตัวมหาลัยนะ คือฝนตก หมดอารมณ์ คนเยอะด้วย


แล้วเราก็เลยตัดสินใจไปต่อที่ กาโรซูกิล ถนนของคนฮิปๆ(มั้ง)  จุดหมายคืออยากไป Line store โดยการนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้ม (เป็นคนชอบจำเป็นสี) แล้วก็ลงที่สถานี อะไรสักอย่าง เดินขึ้นมาหลงอีก 55555 เลยกะหาแวะร้านกาแฟนั่งใช้ไฟไวซะหน่อย ร้านไหนดีว๊า แก้วนึงแม่งก็ ห้าหกพันวอน เกือบสองร้อยบาท แม่งแพงเหี้ยๆ อยู่ไทยนี้แก้มละ60 ยังคิดแล้วคิดอีก


แต่ไหนๆยังมีความติ่งผช อยู่ในตัว 555555 เลยแวะร้าน Twosome ของพี่เท็ดดี้นั่งเล่นไวไฟ พักตีน หาอะไรร้อนๆกิน พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส่ สั่งช๊อกโกแลตร้อนไป แว๊บเข้าห้องน้ำฟรี พอดูแผนที่แล้วเอ๋า คือชั้นเดินไปถึงถนนกาโรซูกิลแล้ว แล้วกูก้อเดินกลัมา คือดันไม่เดินต่อให้สุด  อีนิดก็เจอline store แล้ว





สรุปเจอร้าน

เข้าไปมุ้งมิ้งมากกกกกกกก

คนจีนเยอะมากกกกกกกกกกกกก

ตรงส่วน cafe คนเยอะมากกกกกกกก

เราเลยเดินๆ หยิบๆของแล้วก็รีบออกมา คนก็ถ่ายรูปกันเต็มเลยนะ กับหมีตัวใหญ่ๆนั้นแหละ



ถนนเส้นนี้มีร้าน Coffee smith ซึ่งเป็นเบรนกาแฟค่อนข้างดังเลยละของเกาหลีเราว่า ที่ชอบถ่ายละคนบ่อยๆอะ คนเยอะแทบทุกสาขา   เราชอบการตกแต่งของร้านนี้ด้วยนะ บอกไม่ถูก สไตล์ปูนเปลือย  เรียบง่าย แต่สะอาด มีทั้งโอเพนแอ แล้วก็ในห้อง



เย้ เจอหมี Krunk แล้ว คือเราชอบนางมาก 5555555




หลังจากนั้นฝนก็ตกแบบแหก ตกหนักโคตรรร เราเลยตัดสินใจกลับที่พักก่อน เลยไปเจอคนไทยที่พักที่เดียวกันเมื่อคืน คือตลกมาก นั่งคุยภาษาอังกฤษกันตั้งนาน พอถาม แวอายูฟรอม ไทยแลนนนนนน 55555 อ๋อ คนไทย เลยชวนกันไปกินเนื้อย่างเกาหลีซะหน่อย เพราะร้านแบบนี้มันไม่ขายคนเดียว จริงมั้ย?



ก็เลยเลือกร้านแถวๆนั้นแหละ ออกมาจากสถานีฮัปจองก็เยอะเลย อาจุมม่าก็ชี้ๆ เมนูไม่มีรูปภาพ สรุปร้านมีแต่สามชั้น ไม่มีหมูหมัก ไรพวกนั้นเลย


หลังจากกินเสร็จ ตอนแรกเราอยากไปคลองชยอนเกซอน (แม่งไม่เคยเรียกอีชื่อคลองนี้ถูกสักที) แต่เลยเปลี่ยนใจ ไปวัดพงอึนซา  คือช่วงเดือนพฤษภาเค้ามีเทศกาลโคม จิตนาการว่าน่าจะสวย  วัดนี้อยู่เลยถนนอินซาดงไปนิดเดียว ไปรถไฟฟ้าสีส้ม สถานี Anguk นั้นละ แต่ปวดขี้กัน คือสงสัยเป็นเพราะเนื้อย่างอาจุมม่าแน่ๆ ดีนะที่เขามีห้องน้ำทุกสถานีรถไฟ ไม่งั้นขี้แตก


เสร็จแล้วก็เดินไม่ไกล ออกทางออก6 เดินถึงแยกใหญ่ ให้เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกนิด วัดจะอยู่ขวามือ  เปิดตลอด 24 ชม. แต่ดันเปิดโคมไฟแค่ส่ววนทางเข้าวัดซะงั้น แป่วๆ ผิดหวังนิดหน่อย



คือระหว่างทางจะมีสองวัดนะ

แต่ไปตอนสามสี่ทุ่มก็ยังมีคนสวดมนไหว้พระกันอยู่เลยนะ





คุ้นๆ เหมือนเรื่องกวนมึนโฮก็มาถ่ายที่สัดนี้ป่าวหรือยังไง


แล้วเราก็กลับที่พักไปนอน เสร็จไปอีก1 วัน เฮ้ออ ชักจะหลงรักเมืองนี้แล้วสิ ไม่อยากกลับเลย ล้องห้ายยยยยยยยยยย